เป็นเรื่องมานานกับระบบขนส่งมวลชน มีข่าวปิดล้อมและทำร้ายกัน เพียงแค่เข้าไปรับลูกค้าตัดหน้าแท็กซี่เจ้าถิ่น มาถึงวันนี้กฎหมู่ยังดูครอบงำจิตใจ เพียงเพราะกฎหมายยังไม่มีอะไรชัดเจน ไม่อยากออกตัวเข้าข้างใครขอเป็นคนมองแบบกลางๆดีกว่า

tmotortrip.com

มีโอกาสสัมผัสกับบริการทั้งสองรูปแบบฟังมาทั้งสองฝ่าย แล้วก็เห็นถึงความต่างของการบริการ เป็นเรื่องเถียงกันไม่จบสิ้นว่าอะไรคือความถูกต้อง แกร็บแท็กซี่คือบริษัทแอปพิเคชั่นที่ให้บริการสำหรับคนที่ไม่อยากออกไปโบกรถนอกบ้านให้เสียอารมณ์ เปิดตัวเพียงไม่นานได้รับการตอบค่อนข้างดีกว่าที่คาด มีคนใช้บริการกันเยอะ แต่แท็กซี่ไม่ยอมเพราะเขาบอกว่ามันเอาเปรียบกันเกินไป แถมคนที่มาบริการรถก็ไม่ได้จดทะเบียนเป็นรถโดยสารไม่ได้เสียภาษี แล้วก็มีใบขับขี่รถสาธารณะหรือเปล่าก็ไม่รู้

เรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ของกรมขนส่งต้องลงมาตรวจสอบและทำให้ถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้ทุกอย่างดูแลกันเอง กรณีของแกร็บแท็กซี่ก็คล้ายกันแต่ทำไมแท็กซี่ยอมรับ ซึ่งการเรียกแท็กซี่ผ่านแปพิเคชั่นต่างๆมีผู้ใช้บอกว่าดูปลอดภัยเลือกรถได้รู้ว่าคนขับเป็นใครคำนวณราคาได้ แล้วที่สำคัญคือมารยาทก็ดี ไม่ปฏิเสธลูกค้า เขาเรียกใช้บริการได้บ่อย ถ้าเป็นชั่วโมงเร่งด่วนก็จะเลือกใช้บริการอย่างอื่นแทน

แล้วเมื่อถามว่าทำไมไม่เรียกแท็กซี่เป็นเรื่องน่าสนใจที่มีความรู้สึกไม่ดีเรียกแล้วปฏิเสธ มีพฤติกรรมไม่ดี พูดอะไรไม่ได้ต้องมีอารมณ์เสมอนั่นคือสิ่งที่เขาเจอ ถ้าเลือกได้จะไม่ขอใช้บริการ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียใจแทนคนที่ขับแท็กซี่นิสัยดี เราจะได้ยินเสมอใน เอฟเอ็ม สวพ.91ช่วยเหลือผู้โยสารเก็บเงินสดแล้วนำมาคืนหรือแม้กระทั่งช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหลายครั้ง หรือแม้กระทั่งนั่งเฝ้าลูกค้าที่เมาหลับคารถก็เคยมี ส่วนมากเขาไม่อยากทำกริยาแย่ๆเพราะมีลูกค้าขึ้นมานั่งในรถนั้นหมายถึง ค่าเช่า ค่าเทอม ค่าดำรงชีพฯ ไม่มีเหตุผลเลยที่เขาจะปล่อยลูกค้าหลุดมือ

เสียงสะท้อนจากกลุ่มคนขับแท็กซี่ที่เคารพในอาชีพ บอกว่าควรจัดระบบระเบียบให้ดีปัญหาไม่ใช่เรื่องมีแอปอูเบอร์แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า “ทำไมถึงไม่จัดระเบียบให้คนหันมาเชื่อใจในระบบแท็กซี่ประเทศไทย” ข่าวที่ออกมามีแต่ข่าวไม่ดี ซึ่งมันก็ไม่สามารถคัดค้านความผิดนั้นได้ ด้วยงานบริการต้องน้อมรับคุณเลือกเข้ามาขับแท็กซี่แล้วก็ต้องยอมรับในงานบริการ แล้วอีกอย่างเรื่องของใบขับขี่สาธารณะก็ไม่ได้สะท้อนเรื่องพฤติกรรม ทางที่ดีควรปรับปรุงด้านจริยธรรมให้มาก ถ้ายังทำไม่ได้ก็ต้องเพิ่มความเข้มข้นเรื่องกฎหมาย ทำผิดแล้วก็ต้องเอาจริงไม่ใช่ปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านเลยไปโดยไม่คิดอะไร แล้วที่สำคัญต้องเข้มงวดกับอู่แท็กซี่ด้วยไม่ใช่หวังแค่ปล่อยให้ใครต่อใครมาเช่ารถขับโดยไม่ตรวจสอบประวัติ มันก็ยิ่งทำให้แย่ลงไปอีก ไม่อยากให้ใครคิดว่ามาขับแท็กซี่เพื่อหาเงินไปวันๆ แต่ต้องคิดว่าการขับแท็กซี่คืออาชีพบริสุทธิ์น่าภูมิใจ

 

น่าสนใจว่าทำไมกรมขนส่งของเราหรือสมาคมแท็กซี่ถึงไม่นำเอาข้อดีของแอปพิเคชั่นดังกล่าวมาพัฒนาให้เป็นของแท็กซี่ไทย เรียกรถผ่านแอปพิเคชั่นไม่ต้องผ่านศูนย์วิทยุ ตรวจสภาพรถก็ต้องเข้มงวดให้มากไม่ใช่แค่เห็นว่ามีอุปกรณ์ครบแล้วใช้ได้หรือเปล่า ตัวอย่างมิเตอร์ที่ปรับมาเพื่อโกงลูกค้ายุคนี้ไม่ควรมีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้แล้ว นั่นแสดงว่าเราปล่อยปะละเลยกันมาก ถ้ามีแอปพิเคชั่นแล้วเรายังจะเช็คได้อีกว่ารถคันนั้นไปไหนถึงไหนไม่ต้องกลัวจะตามไม่เจอ ถ้าเราบอกต้องลงทุนอีกมาก ถ้ามันได้ผลระยะยาวก็ควรทำหรือเปล่า คำถามต้องมีคำตอบในยุค 5G

 

เรื่องนี้เหมือนเป็นประเด็นไก่กับไข่อะไรจะเกิดก่อนกัน ถ้าให้ผมมองว่าแกร็บมีดีอย่างไร คงต้องบอกว่าเขาเข้ามาทำให้เราตาสว่าง เรื่องนี้สะท้อนความเชื่อถือในแท็กซี่และคุณภาพต้องควรปรับปรุงโดยด่วน

 

เทคโนโลยียุคดิจิตอลไม่ได้ทำลายความเป็นตัวตน เพียงแค่ให้เราปรับตัวตนเพื่อเท่าทันกับเทคโนโลยีเหล่านั้น อนาคตเราคาดหวังว่าจะได้เห็นระบบแบบนี้มาทำงานในแท็กซี่เมืองไทย เช่นเดียวกันเราก็คาดหวังว่าผู้ประกอบอาชีพขับแท็กซี่ส่วนน้อยที่ทำตัวแย่หมดไปจะเหลือแต่คนที่ตั้งใจและเคารพในอาชีพนี้ด้วยความจริงใจ

 

หากคิดจะแก้ไขคงไม่ใช่การยกเลิก ควรต้องศึกษาให้รอบครอบเพื่อยกระดับแท็กซี่ไปด้วย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่