4 วิธีขับรถฤดูฝนให้ปลอดภัย เดี๋ยวนี้หากดูโลกโซเชี่ยลโพสภาพแชร์คลิปกันว่อนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับอุบัติเหตุต่างๆ โดยเฉพาะในฤดูฝนส่วนใหญ่หนีไม่พ้น เรื่องของน้ำ ขับรถมาดีๆเกิดรถหมุนคว้างกลางถนนวิ่งลงคลองไปเลยก็มี

            สิ่งเหล่านี้หากมาดูและวิเคราะห์กันให้ดีบางครั้งอุบัติเหตุหรือความพลาดพลั้งมันอาจมีสาเหตุมาจากเราก็ได้ไม่ใช่เรื่องแปลกคุณเชื่อหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เรื่องเล็กน้อยอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ ประมาณว่าเป็นเส้นผมบังภูเขา เช่นรถเสียหลักตกหลุมน้ำขังจนเสียหลักฟาดต้นไม้พังยับ ทั้งที่มันก็ไม่ควรเกิดขึ้นเป็นต้น เตรียมตัวรับมือกันให้ดีเจอฝนอย่าประมาท เพราะมันอาจหมายถึงชีวิตก็เป็นได้ มาดูกันเบื้องต้นควรทำเช่นไร

           1  อย่าประมาท! ทุกคนบอกเข้าใจแล้วเรื่องแค่นี้ แต่เชื่อหรือเปล่าคนที่ประมาทอาจไม่รู้ตัวเองว่าทำอะไรเกินพอดี แน่นอนเมื่อคุณมีโอกาสได้ขับรถกลางสายฝนมันไม่ได้โรเมนติกอย่างเดียวหรอกเชื่อเถอะ เดี๋ยวนี้ลมก็แรงฝนก็แรงถ้ามันตกหนักเกินไม่ต้องฝืนขับไปหรอกหาที่ปลอดภัยจอกหลบก่อนก็ได้ แล้วแบบไหนเรียกว่าหนัก? ก็แบบชนิดที่ว่าขนาดคุณเปิดไฟตัดหมอก เปิดไฟหน้า เปิดที่ปัดน้ำฝนแบบแรงสุดๆแล้ว ยังมองเห็นรถคันหน้าแค่ไฟท้ายเหมือนหิ้งหอย หรือมองไม่เห็นอะไรแม้กระทั่งต้นไม้ข้างทาง นั่นเรียกว่าแรงมากควรต้องจอด เพราะคุณยังไม่เห็นคันหน้าก็อย่าหวังว่าคันตามหลังมาจะเห็นคุณเช่นกัน

        2    อย่าซ่า!เวลาเห็นน้ำขังบนถนน หลายคนชอบคิดว่าน้ำแค่นี้ผ่านได้สบายไม่ต้องกลัว คุณไม่รู้หรอกว่าไอ้บริเวณที่น้ำเจิ่งนองอยู่นั้นจะมีหลุมลึกอยู่หรือเปล่าโดยเฉพาะเส้นทางรองที่ไม่ใช่ทางหลวงถนนชอบพังเหลือเกินให้คุณประเมินไว้ก่อนว่าอาจเป็นหลุมอยู่จริง ตามมาอีกเรื่องที่เพิ่งเห็นในคลิปวีดีโอขับรถมาดีๆจู่จู่รถก็หมุนขวางถนนโชคดีไม่มีรถตามมาไม่เช่นนั้นรับรองเจ็บหนักแน่นอน สาเหตุมาจากรถเหินน้ำคิดว่าขับลุยน้ำเร็วๆแล้วจะคุมรถอยู่แต่เปล่าเลยรถเมื่อปะทะกับผิวน้ำเร็วและแรงมันก็ไม่ต่างจากเราปาหินกระทบผิวน้ำมันกระดอนไปหลายจังหวะ แบบเดียวกันเมื่อรถไม่สามารถควบคุมได้หน้ายางไม่ได้สัมผัสกับผิวถนนมันก็ไม่ต่างจากขับรถบนผิวลื่นๆทำให้เสียการควบคุมบวกกับคนขับไม่สติเลยทำให้ไปกันใหญ่เสียหายทั้งทรัพย์สินหรือถึงชีวิต แล้วถ้าหากเป็นนักเดินทางก็ไม่ควรไปอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพราะมันอาจโค่นทับคุณได้

         3   อย่าเฉย!หัวข้อนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันนะจะบอกให้ ทำไมนะเหรอ? หลายคนคิดว่าเรื่องเล็กน้อยของรถไม่สำคัญ อย่างเช่นยางปัดน้ำฝนไม่เคยตรวจเช็คมาทั้งฤดูคิดว่ามันน่าจะใช้ได้ก็ปล่อยเลยตามเลยยางก็เสื่อมสภาพตามกาลเวลาพอเจอฝนตกหนักปรากฏว่ายางปัดไม่ดีไม่สามารถปาดน้ำออกจากกระจกได้ก็ส่งผลกับการมองเห็น ระบบไฟหน้า-ท้ายและไฟตัดหมอก(ถ้ามี)ควรตรวจเช็คให้ดีเพราะหากฝนตกหนักเราอาจเปิดไฟเหล่านี้เพื่อให้คันอื่นเห็นเราในระไกลได้อย่าปล่อยให้มันเสื่อมสภาพ ห้ามเด็ดขาดห้ามเปลี่ยนหลอดไฟสีที่ไม่ใช่ตามกฎหมายกำหนด ความสว่างก็ไม่ได้มาตรฐานแล้วอาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดอีกด้วย ตรวจเช็คสภาพยางให้ดีเพราะเกี่ยวเนื่องกับการยึดเกาะถนน100% ถ้าหากดอกยางเริ่มหมดก็ควรเปลี่ยนหรือสลับเพราะว่ามันจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้โดยตรง หมั่นเช็คอาการของเบรกหากโดนน้ำแล้วเบรกไม่อยู่ให้รีบเข้าศูนย์ตรวจสอบทันที

       4     ต้องเตรียม!มาถึงหัวข้อนี้บางคนไม่เคยคิดมาก่อน อย่างเช่นเดบอร์โทรฉุกเฉินซึ่งอาจไม่ใช่เบอร์ของตำรวจอย่างเดียวเท่านั้นบางครั้งกำลังพลก็ไม่พอ ยังรวมถึง อาสาสมัครกู้ภัย กู้ชีพ หรือแม้กระทั่งรายการ FM. อย่าง จส.100 หรือ สวพ.91 อุปการณ์ช่างเช่น สายพ่วงแบตเตอร์รี่ ยางอะไหล่ ป้ายสะท้อนแสงแสดงสัญลักษณ์เมื่อรถจอดเสียตามกฎหมายกำหนดไว้ดังนี้ต้องเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ยาวไม่ต่ำกว่าด้านละ 50 เซนติเมตร พื้นเป็นสีขาวสะท้อนแสง มีเส้นขอบสีแดงสะท้อนแสงกว้าง 5 เซนติเมตร ให้แสดงเมื่อรถเราจอดเสีย สิ่งเหล่านี้จะช่วยเหลือคุณเมื่อเกิดสิ่งไม่คาดฝันช่วยคุณได้แน่

            เรื่องเล็กน้อยถ้าไม่ประมาทเราคิดว่ามันก็ไม่เกิด ลดปัญหาได้เราก็ควรลดไม่ใช่ปล่อยให้เกิดเหตุก่อนแล้วค่อยมานั่งเสียใจ “รู้แบบนี้ไม่ทำหรอก” คำนี้ไม่มีดีที่สุดขับรถฤดูฝนอย่าประมาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่