เปลี่ยนไปเพื่อความชัดเจนของผู้นำตลาดปิกอัพ ออปชั่นจัดเต็ม ไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะให้ทั่วโลกยอมรับในตัวตน แต่ฟอร์ดก็ทำได้และทำได้ดีด้วยในฟอร์ดเรนเจอร์เจเนอเรชันใหม่นี้

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ มีรูปลักษณ์ที่ดุดันและโฉบเฉี่ยว ด้วยภายนอกที่สะท้อนดีเอ็นเอรถกระบะระดับโลกของฟอร์ด ตั้งแต่กระจังหน้าใหม่ที่โดดเด่น และไฟหน้าใหม่รูปตัว C อันเป็นเอกลักษณ์ โดยมีเส้นสายบริเวณด้านข้างของตัวรถเชื่อมต่อไปยังซุ้มล้ออย่างโดดเด่น เพิ่มความรู้สึกที่มั่นคง และถือเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ด เรนเจอร์ มีไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี

ส่วนด้านหลังของรถได้รับการออกแบบมาให้สอดรับกับการกราฟฟิคด้านหน้า ห้องโดยสารได้รับการยกระดับให้เหมือนกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมากขึ้นด้วยการเลือกใช้วัสดุที่หรูหรา ให้สัมผัสนุ่มสบาย อัดแน่นด้วยระบบเชื่อมต่อการสื่อสารและความบันเทิงไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบสัมผัสแนวตั้ง และระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC®i 4 ของฟอร์ด

หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10.1 หรือ 12 นิ้วตรงกลางคอนโซล เติมเต็มแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4 ระบบความบันเทิง และระบบแสดงข้อมูล ยิ่งกว่านั้นฟอร์ดยังติดตั้งโมเด็มมาในตัวเพื่อเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส ทำให้ลูกค้าเชื่อมต่อการสื่อสารกับรถได้ตลอดเวลา โดยฟอร์ดพาสจะช่วยยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ทั้งการสตาร์ทรถจากระยะไกล ตรวจเช็คข้อมูลสภาพรถเบื้องต้น และสามารถล็อคและปลดล็อคจากระยะไกลได้ผ่านสมาร์ทโฟน

การควบคุมโหมดการขับขี่ต่างๆ ย้ายจากแผงหน้าปัดและคอนโซลเดิมมารวมอยู่ที่หน้าจอ SYNC เพียงปุ่มกดเดียว ผู้ขับขี่ก็จัดการโหมดการขับขี่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทางเรียบหรือออฟโรดได้บนจอเดียว โดยสามารถควบคุมระบบขับเคลื่อน ดูองศาการเลี้ยว มุมเอียง มุมโคลง และข้อมูลอื่นๆ อีกมากมาย หน้าจอดังกล่าวยังเชื่อมกับกล้อง 360 องศา ช่วยให้การจอดรถในเมืองหรือพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่าย และช่วยตรวจสอบสิ่งกีดขวางรอบตัวรถระหว่างการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดได้ เทคโนโลยีบนฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังพร้อมรองรับการอัพเดตของซอฟต์แวร์ต่างๆ ในอนาคตผ่านโมเด็มที่ติดตั้งมากับรถ[ii]

ทีมงานยังออกแบบการเก็บสัมภาระให้เป็นไปได้หลากหลายวิธีมากขึ้น เพื่อให้การบรรทุกของทำได้อย่างลงตัวและปลอดภัยการที่รถกว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร อาจฟังดูเหมือนไม่มากนัก แต่ที่จริงแล้ว สิ่งนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากสำหรับการใช้งานพื้นที่กระบะท้าย เพราะลูกค้าจะจัดวางของได้หลายอย่างในแนวราบ เช่น แผ่นไม้อัด หรือแท่นวางสินค้าทั้งแผ่น
ฟอร์ดยึดการออกแบบรถโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ได้ครอบคลุมไปถึงยางปูพื้นท้ายกระบะเนื้อหนาที่ช่วยทั้งป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับพื้นกระบะ และปกป้องเข่าของเจ้าของรถไม่ให้เข่าต้องโดนพื้นที่ทำจากเหล็กโดยตรง ฟอร์ดติดตั้งหูยึดกระบะบริเวณราวเหล็กเพื่อให้คาดเชือกหรือผ้าใบยึดสัมภาระได้หนาแน่นมากขึ้น และยังมีวัสดุหุ้มขอบกระบะครอบคลุมทั้งด้านข้างและบนฝากระบะท้าย ซ่อนจุดยึดหลังคากระบะหรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ไว้ด้านล่าง สำหรับลูกค้าที่ต้องการติดตั้งอุปกรณ์เสริมท้ายกระบะในภายหลัง

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังมีระบบจัดการการเก็บสัมภาระแบบใหม่ ที่ออกแบบมาให้มีที่กั้นเพื่อเก็บของได้หลายขนาด เช่น ท่อนไม้ หรือกล่องเครื่องมือ เจ้าของรถยังสามารถแบ่งกระบะท้ายให้เป็นช่องเล็กๆ เพื่อจัดเก็บของที่ปกติต้องเก็บในห้องโดยสาร โดยใช้หมุดสปริงที่มีความแข็งแรงพิเศษยึดกับราวเหล็กที่ขอบกระบะ ส่วนฝาปิดกระบะท้ายยังสามารถเปลี่ยนเป็นโต๊ะนั่งทำงานได้ โดยมีมาตรวัด และช่องยึดแคล้มป์อยู่ที่ฝากระบะท้ายสำหรับการวัดและตัดวัสดุต่างๆ
รวมถึงยังมีระบบสั่งการเปิด-ปิดไฟภายนอกแบบแยกส่วนที่สามารถควบคุมได้ผ่านหน้าจอ SYNC หรือแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส มอบความสว่าง 360 องศารอบตัวรถเพื่อให้ลูกค้ามองเห็นได้ดีขึ้น และไฟส่องสว่างกระบะท้ายที่ติดตั้งอยู่ที่ใต้รางกระบะด้านซ้ายและขวา ช่วยให้มีแสงสำหรับทำงานหรือค้นหาสิ่งของในที่แสงน้อยหรือยามกลางคืน

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียงที่ทรงประสิทธิภาพ โดยรุ่นไวลด์แทรค มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มีตัวเลือกทั้งแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และขับเคลื่อนสองล้อเป็นครั้งแรก มอบพละกำลัง 210 PS ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที รุ่นสปอร์ต มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลัง 170 PS ที่ 3,500 รอบต่อนาทีและแรงบิด 405 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที และยังเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ด เรนเจอร์ มีตัวเลือกรุ่นไวลด์แทรค 4×2 ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มอบพละกำลัง 170 PS ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 405 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที

ถ้าให้สรุปหลังทดสอบสิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนคือความเหนือระดับของการออกแบบในทุกมิติของการใช้งาน มีความสบายเหมือนกับรถเอสยูวี เทคโนโลยีให้มาครบถ้วนทั้งในโหมดการขับเคลื่อนถือว่าสุดดีมาก ขณะเดียวกันการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเชื่อมระบบไฟจากช่องจ่ายไฟในกระบะท้ายเพื่อทำงานช่างหรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิสต์ต่างๆ การออกแบบพื้นที่เก็บของใต้ที่นั่งใหม่ เพิ่มพื้นที่เก็บของใต้เบาะหลังเพื่อความเป็นระเบียบ สามารถเก็บสัมภาระของทุกคนในครอบครัวได้โดยที่นั่งยังคงกว้างขวางนั่งสบาย ถ้าอยากขับรถปิกอัพที่มีความแตกต่างคุณต้องลอง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่