ยามาฮ่าคว้าแชมป์ “Grande Prémio Tissot De Portugal” ส่วน “โจอัน เมียร์” เศร้าโดนเกี่ยวไร้แต้ม “อเล็กซ์ รินซ์” แมนออฟเดอะแทร็คโชว์ฟอร์มเทพสตาร์ท กริดที่23 จบอันดับ4 “มาร์ค มาเกรซ” ร่างสองยังไม่มาจบอันดับ6
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโต จีพี ที่ Grande Prémio Tissot De Portugal ถือเป็นอีกหนึ่งสนามที่มีความท้าทายอย่างมากทั้งตัวนักแข่งและทีมงานที่ต้องทำงานอย่างหนัก ท้งสภาพอากาศที่เลวร้ายรวมถึงความต่างของสนามในแต่จะเซ็กเตอร์
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในสภาพอากาศแห้งต่างจากวันซ้อมและวันควอลิฟายที่มีฝนอย่างหนัก โจฮาน ซาร์โก้ จากทีม พารามัคเรซซิ่ง ได้โพโพลซิชั่น เมื่อสัญญาณไฟดับลงกลายเป็น โจอัน เมียร์ ทีม ซูซูกิ แอคสตาร์ สตาร์ทได้ดีกว่าขึ้นนำในทันที ตามด้วย ฟาบิโอ กวาตาราโร่ จากยามาฮ่า โจฮาน ซาร์โก้ หล่นไปอยู่อันดับสาม ดูคาติอีกหนึ่งคันทีมโรงงานอย่าง แจ๊ค มิลเลอร์ ก็ตามติดอยู่ในอันดับสี่
โจอัน เมียร์ ต้านทานความแรง ฟาบิโอ กวาตาราโร่ ที่ควบ YZR-M1 ไม่อยู่ถูกแย่งอันดับตำแหน่งผู้นำไปในรอบที่สี่ของการแข่งขัน ซึ่งนั้นหมายถึงการหนีห่างออกไปอย่างไร้เงาของ ฟาบิโอ กวาตาราโร่ จนจบการแข่งขันเรียกว่าจัดการแบเบ็ดเสร็จไม่มีข้อกังขา ถึงแม้เขาจะบ่นว่ารถยังไม่ลงตัวแต่ด้วยฝีมือและความทุ่มเทของทีมก็ให้เขาเห็นแล้วว่า ยามาฮ่ายังแชมป์ได้
ทุกอย่างเหมือนจะจบแค่นั้นในอันดับที่ตามมาสุดท้าย โจฮาน ซาร์โก้ ไล่บด โจอัน เมียร์ แย่งอันดับสองมาได้ในรอบที่ยี่สิบ หลังจากนั้นอีกหนึ่งรอบการแข่งขันในโค้งที่หนึ่งสุดทางตรง แจ๊ค มิลเลอร์ ก็ดับฝันการคว้าแต้มของ โจอัน เมียร์ เบรกลึกเกินไปพลาดล้มแล้วไหลไปเกี่ยวกันทำให้ทั้งคู่ต้องออกจากการแข่งขัน ทุกอย่างเคลียร์กันได้ลงตัว
ส่วนนักแข่งอีกคนที่ต้องยกให้เป็นแมนออฟเดอะแทร็ค “อเล็กซ์ รินซ์” ตั้งแต่ช่วงซ้อมรวมถึงควอลิฟายเขาไม่สามารถสร้างผลงานที่ดีได้ ต่างจากเพื่อนร่วมทีมอย่างเห็นได้ชัดซึ่งหลายคนบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเทคโนโลยีของรถสองคันนี้หรือเปล่าทำไมผิดเพี้ยนกันมากขนาดนี้ ซึ่งมันส่งให้เขาได้กริดสตาร์ทที่ยี่สิบสาม ซึ่งทีมงานบอกว่ามันอาจจบแล้วแต่ไม่เช่นนั้น เมื่อเขาสามารถ พาตัวเองขึ้นมาอยู่อันดับสิบในรอบแรก และไล่แซงขึ้นมาที่ละคันจนมาถึงอันสี่ในรอบที่สิบเก้าแล้วเขาจบการแข่งขันในตำแหน่งนี้ซึ่งมันทำให้เขามีคะแนนสะสม69 คะแนนเท่ากับผู้นำอย่าง“ฟาบิโอ กวาตาราโร่” สุดท้ายแล้ว “อเล็กซ์ รินซ์” ทำให้เห็นแล้วถึงฝีมือัอนร้ายกาจที่ใครกก็ห้ามมองข้าม
ด้านฮอนด้า “มาร์ค มาเกรซ” ยังคงเค้นฟอร์มเก่งออกมาไม่ได้ทั้งอาจด้วยการปรับตัวเข้ารถคันใหม่ RC213V แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือยังไม่เป็นตัวของตัวเองซึ่งคงต้องให้เวลาสักพักเพื่อการปรับตัว ทว่าในสนามนี้เขาเบียดแย่งอันดับหกจากน้องชาย “อเลค มาเกรซ” ในรอบสุดท้ายก่อนเข้าเส้นเพียงนิดเดียว
หลังจากสนามผ่านไปเราคงได้เห็นถึงความพยายามของทีมโรงงามมากขึ้นกว่าเดิมเพราะที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าทีมอิสระเริ่มพัฒนารถขึ้นมาใกล้เคียงกับทีมหลักมากขึ้นถึงแม้จะเป็นเทคโนโลยีเก่าของทีมโรงงานก็ตามมันก็พร้อมจะเบียดแย่งแต้มของทุกทีมเช่นกัน
ผลการแข่งขัน