มิชลิน ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลก เปิดตัวยางรุ่นล่าสุด ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5’ (MICHELIN Pilot Sport 5) ยางสมรรถนะสูงรุ่นที่ 5 ในตระกูล ‘ไพลอต สปอร์ต’ ซึ่งมุ่งเจาะกลุ่มผู้ชื่นชอบรถสปอร์ตและรถสมรรถนะสูงด้วยคุณสมบัติเด่นในการมอบ “ทะยานให้สุดเต็มสมรรถนะ…พร้อมความมั่นใจที่ไกลกว่า”(1) พร้อมทั้งให้สุนทรียภาพในการขับขี่อย่างมีสไตล์และสนุกเร้าใจเต็มพิกัด
เอกชัย คหการบำรุง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด B2C กลุ่มมิชลินประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกและออสเตรเลีย เปิดเผยว่า “การเปิดตัวยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5’ เป็นการเติมเต็มและเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ยางในตระกูล ‘ไพลอต สปอร์ต’ ที่มีจุดเด่นในเรื่องการให้สมรรถนะสูงครอบคลุมทุกด้านได้ดีที่สุด โดยยางรุ่นนี้มีคุณสมบัติที่แตกต่างเหนือกว่าด้วยแนวคิดการให้สมรรถนะยาวนานตลอดอายุใช้งาน หรือ Performance Made to Last นอกจากจะพัฒนาขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬามอเตอร์สปอร์ตซึ่งส่งผลให้ยางรุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่มองหาสมรรถนะสไตล์สปอร์ตและต้องการสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ยังก้าวไปอีกระดับในเชิงสุนทรียภาพด้านดีไซน์ โดยได้รับรางวัล Contemporary Good Design Award ประจำปี 2564 จากเวทีประกวดผลงานออกแบบระดับนานาชาติอันทรงเกียรติอีกด้วย”
คุณสมบัติเด่นของยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 5’ ได้แก่ § ขับขี่อย่างมั่นใจด้วยศักยภาพในการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมยาวนาน ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสประสิทธิภาพในการบังคับควบคุมสูงสุด พร้อมด้วยสมรรถนะในการยึดเกาะและการเบรกที่ดีเยี่ยมทั้งบนถนนแห้ง(2)และถนนเปียก(3) ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีดอกยางแบบคู่ดีไซน์สปอร์ต (Dual Sport Tread Design Technology) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ต โดยดอกยางด้านในมีร่องดอกยางขนาดใหญ่และอัตราส่วนพื้นที่ร่องรีดน้ำระดับสูง จึงให้สมรรถนะการยึดเกาะและการหยุดรถที่ดีบนพื้นเปียก และดอกยางด้านนอกมีบล็อกดอกยางที่แข็งแกร่งเพื่อการยึดเกาะบนถนนแห้งที่ดียิ่งกว่า รวมทั้งร่องรีดน้ำแบบ Groove Clear ซึ่งเป็นการทำงานผสานกันระหว่างร่องดอกยางขนาดใหญ่ตามแนวยาวที่ระบายน้ำไปยังร่องบากขนาดกว้างตามแนวขวางเพื่อรีดน้ำออกจากยางอย่างมีประสิทธิภาพ
-
ขับสนุกเร้าใจยิ่งกว่า พร้อมโลดแล่นไปได้ไกลกว่าที่เคย(1) ให้สมรรถนะสูงยาวนานตลอดอายุใช้งาน โดยตอบสนองต่อการบังคับควบคุมรถอย่างมีประสิทธิภาพและฉับไวแม่นยำ อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยี Dynamic Response ซึ่งใช้เข็มขัดรัดหน้ายางแบบไฮบริด (Hybrid Belt) ที่ผสานวัตถุดิบประเภทอะรามิดและไนลอนเข้าด้วยกันเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสูดในการส่งกำลังควบคุมทุกการบังคับเลี้ยวสู่พื้นถนน รวมทั้งโครงสร้าง MaxTouch ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสระหว่างยางล้อกับพื้นผิวถนน ทั้งยังกระจายแรงกดอย่างสม่ำเสมอตลอดหน้ายางขณะเร่งความเร็ว เบรก และเข้าโค้ง หน้ายางจึงมีอายุใช้งานยาวนานขึ้นโดยยังคงให้สมรรถนะดีดังเดิม