หลายคนอาจเคยมีความกังวลเวลาขับรถไปต่างจังหวัดหรือเมื่อเดินทางไกลๆ ว่าน้ำมันอาจจะหมดกลางทางในพื้นที่ห่างไกลจากปั๊มน้ำมัน ขณะที่นักเดินทางไกลจำนวนไม่น้อยก็เลือกใช้รถยนต์ส่วนบุคคลแทนการขึ้นเครื่องบินเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การใช้เทคนิคการขับรถและการใช้งานรถที่ถูกต้องมีส่วนอย่างมากในการช่วยให้ผู้ขับขี่ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
โดยการวิจัยของ National Renewable Energy Laboratory (NREL) ในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า พฤติกรรมของผู้ขับขี่เองมีส่วนช่วยควบคุมการใช้น้ำมันได้ถึง 5-10เปอร์เซ็นต์[1] ฟอร์ดจึงขอแชร์เคล็ดลับในการขับขี่อย่างชาญฉลาดที่จะช่วยพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางในระยะไกลได้แบบสบายกระเป๋ายิ่งขึ้น
1 ขับให้นิ่ม
สภาพเส้นทางที่เดินทางไป แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงทางตรงอย่างเดียว แต่ยังมีโค้ง มีขึ้นเขา ลงห้วย ที่อาจจะทำให้ผู้ขับขี่ต้องเร่ง เบรก หรือเลี้ยวกะทันหัน การพยายามใช้คันเร่ง เบรก และควบคุมพวงมาลัยให้เบาที่สุดเท่าที่ทำได้จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ขณะที่การขับรถฉวัดเฉวียน การเร่งเครื่องอย่างเฉียบพลัน ขับเร็ว หรือเบรกแรงเกินไปจะใช้น้ำมันไปอย่างฟุ่มเฟือย หากผู้ขับขี่ตั้งสมาธิกับถนนด้านหน้า ประเมินสถานการณ์ที่อาจจะต้องเร่ง หรือชะลอความเร็วได้อย่างเหมาะสม ย่อมทำให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
2 ใช้ระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ
ระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติของฟอร์ดเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะทั้งสำหรับการเดินทางไกล จากการช่วยรักษาระดับความเร็วและเว้นระยะห่างจากรถด้านหน้าได้อย่างพอเหมาะ ทำให้รถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนถนนไฮเวย์ที่ยาวไกล และช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องคอยกังวลกับการมองเข็มวัดความเร็วตลอดเวลาอีกด้วย
3 บรรทุกให้น้อย
ทุกครั้งที่ออกท่องเที่ยวเดินทาง แน่นอนว่า สัมภาระเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องนำติดตัวไปด้วย ทางหนึ่งที่จะช่วยประหยัดน้ำมันคือการคำนึงถึงปริมาณข้าวของที่จะนำไปด้วย หากนำสัมภาระไปมากเกินอาจกลายเป็นภาระได้ในภายหลัง การนำของขึ้นรถไปให้น้อยที่สุดเป็นการช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์โดยไม่ลืมพกของสำคัญต่างๆ อย่างชุดปฐมพยาบาลฉุกเฉิน สายจั๊มพ์ กล่องเครื่องมือขนาดเล็ก และแม่แรง ไปด้วย และนำของที่ไม่จำเป็นเก็บไว้ที่บ้าน
4 ชะลอลงหน่อย
การเดินทางไกลบนถนนที่ทอดยาวสุดลุกกหูลุกตา อาจจะทำให้คุณรู้สึกอยากจะเหยียบคันเร่งหนักกว่าปกติ ซึ่งนอกจากความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้นแล้ว การขับรถเร็วเกินไปยังใช้น้ำมันมาก เนื่องจากการเร่งเครื่องทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก การขับรถที่ความเร็วประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แทนที่จะเป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว
5 ลดมวลอากาศพลศาสตร์
ฟอร์ด เรนเจอร์ ได้รับการออกแบบมาให้มีอากาศพลศาสตร์ที่ดีโดยพื้นฐาน แต่ตัวแปรต่างๆ จะเปลี่ยนไปเมื่อมีการบรรทุกของที่กระบะท้ายที่ยื่นออกไปนอกตัวถัง หรือการขับรถแบบเปิดหน้าต่างรับลมซึ่งจะเพิ่มแรงต้านและมวลของรถให้ควบคุมยากขึ้นและส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำมัน หนึ่งในวิธีที่ฟอร์ดแนะนำคือการบรรทุกสัมภาระในปริมาณที่เหมาะสมและใช้ผ้าคลุมกระบะท้าย นอกจากนี้ ในการเดินทางไปยังที่สมบุกสมบัน ผู้ขับขี่ควรนำของมีค่าต่างๆ มาไว้ในห้องโดยสารเพื่อให้ปลอดภัยจากการร่วงหล่นจากกระบะท้าย