ทดสอบ ฮอนด้า ซิตี้ใหม่
เล็กแต่ตัว 1.0 ลิตร สุดจี๊ด รุ่น RS อารมณ์สปอร์ต รุ่น SV ก็น่าสนใจ
· ดูเหมือนทุกคนจะสนใจตลาดรถเล็กมากเหลือเกินในชั่วโมงนี้ หลายค่ายต่างหันมาให้ความสำคัญ ดันเทคโนโลยีเทลงกลุ่มนี้เต็มาพิกัด ซึ่งรวมถึงฮอนด้าด้วยเช่นกัน ยังคงมันใจเครื่องยนต์บล็อกเล็กแต่สมรรถนะสูง ซึ่งผลลัพธ์ความสำเร็จถูกส่งต่อมายังฮอนด้า ฮอนด้า ซิตี้ใหม่ด้วยเช่นกัน
· ฮอนด้าซิตี้ใหม่มีให้เลือกมีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น RS ราคา 739,000 บาท,รุ่น SV ราคา 665,000 บาท ,รุ่น V ราคา 609,000 บาท ,รุ่น S ราคา 579,500 บาท แต่ที่ได้ทอดสอบเป็นสองรุ่นบนคือ RS และ SV มีความแตกต่างกันตั้งแต่ภายนอกจนถึงภายใน แต่ด้านสมรรถนะมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร VTEC TURBO 122 แรงม้า ที่ทรงพลังและให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร
· ผลงานการออกแบบได้ถูพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “Ambitious Sedan” ที่ถ่ายทอดความมุ่งมั่นของฮอนด้าที่ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับยนตรกรรมซิตี้คาร์ และยกระดับการใช้ชีวิตให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น แต่เขาจะยังคงไว้ซึ่งดีไซน์ที่โดดเด่น ห้องโดยสารที่กว้างขวาง ซึ่งเป็นคุณค่าหลักของฮอนด้า ซิตี้ ในทุกเจเนอเรชั่น
· หากมองภายนอกดูแล้วทั้งสองรุ่นจะมีเส้นสายที่เฉียบคมต่อเนื่องรอบคัน มาพร้อมโครงสร้างตัวถังในสไตล์ Wide & Low ที่ให้ความสปอร์ตปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น ดีไซน์ภายนอกใหม่ โดดเด่นด้วย
-
ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
-
ไฟท้ายแบบ LED
-
กระจังหน้าแบบโครเมียม
-
มือจับประตูด้านนอกแบบโครเมียม (เฉพาะรุ่น SV) และมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น V และ S)
-
เสาอากาศแบบครีบฉลาม
-
ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว (รุ่น SV และ V) ล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ (เฉพาะรุ่น S) และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว (เฉพาะรุ่น RS)
· มาดูกันที่ห้องโดยสาร มีพื้นที่กว้างขวางเป็นผลมาจาก การออกแบบภายใต้แนวคิด “Ambitious Beauty” คือเน้นความเรียบง่าย แต่ทันสมัย และแฝงความประณีตในทุกรายละเอียด
· โดยยึดหลักของฮอนด้าในการพัฒนา คือ “Man-Maximum Machine-Minimum” ด้วยการออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับสรีระ เพื่อความสะดวกสบายในทุกที่นั่งทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร มาพร้อมความหรูหราและสวยงามยิ่งขึ้น
-
เบาะที่นั่งดีไซน์ใหม่ มีให้เลือกทั้งแบบเบาะหนังกลับ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น RS) เบาะหนัง (เฉพาะรุ่น SV) และเบาะผ้า (รุ่น V และ S)
-
ใช้เส้นสายแนวนอนเพื่อช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งและสะดวกสบายในการขับขี่
-
ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ หรือภายในสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ (เฉพาะรุ่น SV)
-
คอนโซลหน้าแบบ Piano Black (เฉพาะรุ่น RS และ SV)
-
คอนโซลกลางมาพร้อมที่วางแขนขนาดใหญ่ (เฉพาะรุ่น RS, SV และ V)
-
ช่องเก็บของตรงกลางด้านหลัง สามารถวางขวดน้ำขนาด 5 ลิตร
-
มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม (เฉพาะรุ่น RS, SV และ V) ลงตัวกับทุกการใช้งานด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม ได้แก่
-
มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ มาตรวัดเรืองแสงสีแดง (เฉพาะรุ่น RS) หรือสีขาว (เฉพาะรุ่น SV และ V)
-
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
-
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น RS, SV และ V)
· มันช่างดูดีเหลือเกินใน รุ่น RS มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS มาพร้อมกันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED
· กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสะท้อน ความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง และดึงดูดทุกสายตาด้วยสีภายนอกใหม่ สีแดงอิกไนต์ (Ignite Red) เฉพาะรุ่น RS เท่านั้น
· ขุมพลังเทอร์โบใหม่ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด
· เทคโนโลยีน่าสนใจในเครื่องบล็อกนี้ ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (Direct Injection) , Dual VTC ระบบแคมชาฟท์ ที่สามารถเพิ่มหรือลดองศาของแคมชาฟท์ในการเปิดปิดวาล์วไอดีและไอเสีย ,ระบบแปรผันระยะยกของวาล์ว VTEC เป็นการแปรผันระยะยกของวาล์วไอดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประจุไอดีจำนวนมากเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ,อินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ (Water-Cooled Type Intercooler) เป็นการระบายความร้อนอากาศที่มาจากการบูสท์ของเทอร์โบด้วยน้ำที่ติดตั้งมากับเครื่องยนต์ 1.0L VTEC TURBO , เทอร์โบชาร์จเจอร์และวาล์วเวสเกตไฟฟ้า
· ขาดไม่ได้กับ Honda CONNECT (เฉพาะรุ่น RS) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่สามารถเชื่อมต่อรถยนต์ และทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ โดยมี 8ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
-
MY SERVICE สามารถตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
-
DRIVING BEHAVIOR ที่จะบันทึกข้อมูลการขับขี่และแสดงพฤติกรรมการขับขี่ต่างๆ ที่สามารถให้แสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี
-
WIFI สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์
* ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
-
AIRBAG DEPLOYMENT เมื่อถุงลมทำงาน Honda CONNECT จะส่งสัญญาณแจ้งผู้ใช้งานผ่านทางแอปพลิเคชันทันที และส่งข้อความสั้นไปยังเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน นอกจากนี้ระบบจะส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าฮอนด้า เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
-
SECURITY ALARM ช่วยแจ้งสถานะเมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก
-
REMOTE VEHICLE CONTROL สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด รวมถึงฝากระโปรงหน้าและฝากระโปรงท้าย อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และการสั่งดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
-
GEO FENCE & SPEED ALERT สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
-
FIND MY CAR สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุดผ่านทางแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
-
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
-
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) (ทุกรุ่น)
-
ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) (เฉพาะรุ่น RS, SV, และ V)
-
ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 2 ช่อง (เฉพาะรุ่น RS และ SV)
-
ช่องจ่ายไฟสำรอง ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น RS)
· ส่วนเรื่องความปลอดภัยฮอนด้ายังคงจัดเต็มเช่นเดิมหรืออาจมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ แม้รถจะเป็นซิตี้คาร์แต่ระบบความปลอดภัยเพียบ โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย
-
โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง
-
ถุงลม 6 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น RS) ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้าง (Side Airbags) และ ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
-
กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) (เฉพาะรุ่น RS และ SV)
-
ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
-
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA)
-
ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)
-
สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal – ESS)