All New Honda Accord
เจเนอเรชันที่ 10 เปิดโลกใหม่แห่งยนตรกรรม
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชันที่10ก้่าวสู่ตลาดประเทศไทยเต็มตัว มาพร้อมกับอีกขั้นแห่งยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดาน ที่พาคุณก้าวข้ามข้อจำกัด ด้วยการท้าทายความเชื่อและขอบเขตเดิมๆ สู่โลกบทใหม่แห่งยนตรกรรม มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อน ขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ 1.5ลิตร Di VTEC TURBO 190 แรงม้าและระบบ Sport Hybrid i-MMDทรงพลังแต่คงไว้ซึ่งอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม
พร้อมทั้งยังเพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง(Honda SENSING)และเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียมที่ครบครัน มาพร้อมดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายในที่ผสมผสานเอกลักษณ์ความหรูหราและความสปอร์ตไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย โดยฮอนด้า เผยราคาประมาณการก่อนประกาศราคาอย่างเป็นทางการพร้อมการวางจำหน่าย ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ในเดือน พฤษภาคม
ฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นรถยนต์ที่สำคัญรุ่นหนึ่งของฮอนด้าที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าทั่วโลกรวมถึงลูกค้าชาวไทย และได้ทำการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงเจเนอเรชันที่ 9โดย ฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นรถยนต์ที่เป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยียนตรกรรมใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดเพื่อต่อยอดการพัฒนายนตรกรรมเสมอมา ในปัจจุบันโลกและเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง ครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนายนตรกรรมให้เหนือระดับไปอีกขั้น ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชันที่ 10 จะยังความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรมยุคใหม่ ทั้งเทคโนโลยีการขับเคลื่อนและเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย โดยมาพร้อม 2 ขุมพลังการขับเคลื่อนได้แก่
เครื่องยนต์ 1.5ลิตร Di VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190แรงม้าตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิด 243นิวตัน-เมตร จากเทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbocharger)ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ประสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้สมรรถนะการขับขี่มากกว่าเครื่องยนต์2.4 ลิตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0ลิตรในรุ่นเดิม โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับน้ำมัน E85ได้อีกด้วย
ระบบขับเคลื่อนSport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD)เป็นการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด2.0ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4สูบ 16วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215แรงม้าสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะ เพื่อตอบสนองทุกการขับขี่ ได้แก่โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode)โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode)และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) และยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Drive Mode) ที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม Sportที่อยู่บริเวณคันเกียร์ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตที่สนุกสนานเร้าใจ โดยระบบSport Hybrid i-MMD ใหม่ เป็นระบบ Full Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 24.4กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 97 กรัม/กิโลเมตร
สู่อีกระดับของเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง(Honda SENSING)ที่ผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้า ในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่ และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ซึ่งมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย
-ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก(Collision Mitigation Braking System: CMBS)
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
-ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ(Lane Keeping Assist System: LKAS)
-ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ(Road Departure MitigationSystem with Lane Departure Warning : RDM with LDW)