Casio G-Shock 5000 Series รุ่น Full Metal
35 ปี แห่งการรอคอย…นาฬิกาหน้าเหลี่ยม!
เวลา 35 ปี ผ่านมา จี-ช็อคยังยึดมั่นในเทคโนโลยีกันกระแทก (Shock Resistance) ก่อนจะนำมาต่อยอดเป็นรุ่นครบรอบที่มีความพิเศษในการใช้แสตนเลส สตีลล้วน (Full Metal) ทั้งตัวเรือนและสาย มีการใช้โครงสร้างแบบใหม่ที่ทนต่อแรงกระแทกได้มากขึ้น โดยใช้วัสดุเรซินคุณภาพสูงผสานเข้ากับรอยต่อ ระหว่างตัวเรือนสตีลและขอบตัวเรือน เพื่อดูดซับแรงกระแทก พร้อมฟังก์ชันซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งไฟหลัง LED พลังงานแสงอาทิตย์ การควบคุมวิทยุ โหมดกีฬา ความต้านทานอุณหภูมิ และฟังก์ชันการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน
ยิ่งไปกว่านั้น นาฬิกาคาสิโอ จี-ช็อค 5000 ซีรี่ส์ รุ่นฟูล เมทัล หรือรหัส GMW-B5000 ยังเสริมฟังก์ชัน Connected Engine ที่เชื่อมต่อเวลาเซิฟเวอร์กลางผ่านทางสมาร์ทโฟนและสัญญาณวิทยุเวลา โดยผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อนาฬิการุ่นนี้ผ่านแอพพลิเคชัน G-Shock Connected บนสมาร์ทโฟน เพื่อการใช้งานได้อย่างสะดวกต่อการตั้งค่า ทั้งการตั้งเวลามาตรฐานโลกและฟังก์ชันตั้งปลุก เป็นต้น
สำหรับในประเทศไทยมีการนำนาฬิกาคาสิโอ จี-ช็อค 5000 ซีรี่ส์ ฟูล เมทัล 3 รุ่นพิเศษ (นอกเหนือจากรุ่นปกติ) เข้ามาจำหน่ายด้วยกันคือ รุ่น GMW-B5000TFG-9 (Gold Limited Edition) ตัวเรือนแสตนเลส สตีลเคลือบทองด้วยเทคนิค Ion Plating พร้อมสลักอักษร G-Shock 35th Anniversary บนฝาหลังตัวเรือน พร้อมชุดแพคเกจรำลึกการครบรอบ
ส่วนรุ่น GMW-B5000TFC-1 (Porter Limited Edition) นั้น พัฒนาขึ้นร่วมกับ Yoshida & Co.,Ltd. บริษัทผู้ผลิตกระเป๋าชั้นนำจากญี่ปุ่นเพียง 500 เรือนทั่วโลก โดยนาฬิการุ่นนี้ผลิตจากสตีลเคลือบสีด้วยเทคนิค DLC ก่อนจะสลักอักษร G-Shock 35th Anniversary บนฝาหลังตัวเรือน และมาพร้อมกระเป๋าเก็บซึ่งทำขึ้นเป็นพิเศษภายใต้ชื่อแบรนด์ PORTER ซึ่งในประเทศไทยมีวางจำหน่ายเพียง 8 เรือน (ขายหมดแล้วตั้งแต่วันแรกที่เปิดจำหน่าย)
สุดท้ายคือ รุ่น GMW-B5000KL ซึ่งจี-ช็อคจับมือกับแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นช้ันนำ Kolor จากประเทศญี่ปุ่น ผลิตขึ้นเพียง 700 เรือนทั่วโลก โดยนาฬิการุ่นนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย วันที่ 29 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ส่วนรุ่นสีเงิน สีทอง และซีรี่ส์อื่นๆ มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป (www.casio-cmg.com, Facebook/Casio.Thailand)